“รีวิว Exeter ประสบการณ์เรียนต่อ Tourism & Hospitality Management ของพี่บอล”

"ประสบการณ์เรียนต่อ Tourism & Hospitality Management ที่ .." University of Exeter: MSc International Tourism Management with Hospitality เตรียมตัวก่อนไป - ผมบอลนะครับ ผมก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เพราะว่ามีพี่ๆ BRIT-Ed ช่วยดีมาก เราก็แค่เตรียมหลักฐาน ที่เค้าแจ้งให้เตรียมเฉยๆ ซึ่งทุกอย่างก็เสร็จก่อนล่วงหน้า ค่อนข้างจะซักพักเลย ก็ไม่ฉุกละหุก เพราะจะมีคนคอยเตือนเราว่าเราต้องทำอะไรตอนไหนแล้วก็ต้องไปขออะไรบ้าง เหตุผลที่เลือก - เลือกมาเรียนที่ University of Exeter เพราะว่า ranking ของมหาวิทยาลัยค่อนข้างดี และวิชาที่อยากเรียนค่อนข้างจะมีคนเรียนเยอะ และตอนเรียนป.ตรีก็เคยเรียน tourism มาอยู่แล้ว ก็เลยเลือกที่จะต่อสายเดิม แต่มองเป็นในมุม management มากกว่าที่ ก่อนจะเข้ามาเรียนที่คณะ International Tourism Management, major Hospitality เราเรียน Graduate Diploma Pre-Masters Programme แล้วค่อยไปเรียน master degree แล้วก็ใช้คะแนน INTO เข้า ความรู้สึกแรกเมื่อถึง UK - ตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะ จริงๆ เราเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว แต่เราจะงงๆ มากกว่าเพราะตอนที่ไปเราไปก่อนเปิดแบบเผื่อเวลาไว้เยอะมาก คือไปถึงเร็วมากกก แล้วก็เลยพยายามใช้ช่วงเวลา 2 อาทิตย์แรกในการทำความรู้จักคนนู้นคนนี้ ไปไหนก็เดินเอา แล้วก็ศึกษาพวกเส้นทางรถ bus มี culture shock บ้าง เรื่องของการไปไหน แล้วต้องต่อคิว เพราะเหมือนที่ไทยเวลาไปร้านอาหารส่วนมากเราไม่ต้องรอ แต่ที่ Exeter เราต้องรออย่างเช่นในช่วง weekend หรือ วันหยุด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ คือต้องรอ จะไปกี่โมงก็ต้องรอ แล้วก็เรื่องการเรียกแท็กซี่  Exeter จะไม่เหมือนเมืองอื่น เพราะเป็นเมืองเล็ก แท็กซี่จะไม่สามารถโบกได้ ไม่เหมือน London หรือเมืองอื่นๆ เราต้องไปที่ taxi standไปที่เรียกแท็กซี่โดยเฉพาะ หรือต้องโทรไปที่บริษัทแท็กซี่ เพื่อเรียกแท็กซี่มารับเรา วันแรกที่มหาวิทยาลัย Exeter - ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกสวย แต่ว่าหนาว เพราะว่าไปช่วงเดือนมกรา ก็ดีแต่เหนื่อยครับเดินเยอะ ด้วยความที่ Exeter เป็นเมืองเล็ก transportation จะไม่เท่ากับเมืองใหญ่ แล้วเราเป็นคนขี้เกียจรอเลยเลือกที่จะไปทุกที่ด้วยการเดิน นอกจากเรื่งการเดินทางแล้วเราก็ต้องปรับตัวเรื่องกินด้วย เราไม่ค่อยชอบทานอาหารฝรั่งเท่าไหร่ก็เลยทำกับข้าวเยอะ แล้วมันก็ช่วย save cost เราได้เยอะมาก - พูดถึงเรื่องหอพัก เราอยู่ทั้งหอในหอนอกเลย เพราะว่าตอนแรกที่ไปเรียน Pre-Masters Programme คุณแม่อยากให้อยู่หอใน อยู่หอในก็ดีมันจะสะดวกตรงที่ว่ามันอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่มหาวิทยาลัยมันก็ไม่เชิงว่าจะอยู่ในตัวเมือง เราก็ต้องเดินทางเข้าเมือง แต่พอตอนเราเรียนปริญญาโทเราเลือกอยู่หอนอกแทน มันก็สะดวกกว่า แต่หอในมันจะดีกว่าในมุมที่แบบ ไม่ต้องตื่นเช้ามากเกินไป เวลาจะไปทำงานกับเพื่อนหรือว่าจะใช้ facility ของมหาวิทยาลัยมันสะดวกมาก แต่ว่าหอนอกมันสบายกว่า ก็คือตามราคาแหละ จ่ายแพงกว่ามันก็คืออยู่สบายกว่า การสอนของคณะ International Tourism Management, major Hospitality - ดีครับ แต่พอไปเรียนปริญญาโทมันจะ self-study เยอะ ตอนเข้าคลาสก็จะไม่เหมือนตอนเราเรียนที่ไทย เพราะที่ไทยอาจารย์ค่อนข้างที่จะช่วยเราเยอะมาก แบบคอยเป็นห่วง แบบ เห้ยทำไมไม่ส่งงาน แต่ต่างจากที่นี้ให้อารมณ์ปีนึงมันสั้นมากนะครับสำหรับปริญญาโทเวลาอาจารย์เค้าพูดอะไร ถ้าเราไม่เข้าใจเราก็ต้องยกมือ แล้วก็คืออ่านเยอะ ต้องอ่านนอกห้องเยอะ แล้วก็ต้องเตรียมบทเรียนของวิชานั้นๆ เพราะอาจารย์ก็จะแบบ วันนี้จะเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปอ่านมาด้วยนะ แล้วเราก็เคยไม่เตรียม ขี้เกียจอย่างเงี้ย แล้วเข้าไปก็คืองง เพราะ เราตอนเรียนเข้าไปนั่งฟังแต่ไม่ได้เข้าใจไปสอบ จริงๆ มันต้องมีความเข้าใจไปสอบ คำถามที่เราเจอในข้อสอบมันไม่ได้ถามแนวจำ ไม่ใช่อะไรเกิดขึ้นปีไหน แต่เขาจะเหมือนให้เคสมา เราก็ต้องเข้าใจว่า theory นี้เหมาะกับสถานการณ์แบบนี้มากกว่า เนื้อหาการเรียน - ก็คือการเรียนของคณะนี้จะเป็น theory เป็น case ส่วนใหญ่ แล้วก็มี field trip ด้วย อันนี้คือเราชอบมาก เพราะว่า วิชาที่เราเลือกเรียนมันจะออกแนว management คือหลายๆคน อาจจะคาดหวังว่าการเรียน tourism หรือว่าการเรียน hotel hospitality เนี่ยมันจะเป็นการทำงานในโรงแรม ซึ่งอ่ะ ส่วนนึงมันใช่ แต่มันน้อยมากครับ ที่เราไปเรียนคณะนี้คือ course work มันดีมาก ตรงที่แบบ field trip มันบวกกับ project ที่ได้ ซึ่งจำได้ว่าคลาสนึงเค้าพานั่งรถไปในทีดินเปล่าๆ มันก็เหมือนบ้านเก่าๆหลังนึง มีพื้นที่กว้างๆ แล้เขาก็ให้ทำเป็น project ทั้งเทอมเลยว่า เนี่ย มีโรงแรมร้าง ให้ช่วยทำโรงแรมร้างเป็นโรงแรมเราเลย concept เป็นยังไงบ้าง budget ต้องใช้เท่าไหร่ marketing ใช้เท่าไหร่ ทีมต้องเตรียมอะไรบ้าง คือคิดทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกวิชา บางวิชาก็จะเป็น field trip สั้นๆ เดิน15 นาที จากตัวมหาวิทยาลัย เป็นเหมือนไปศึกษาเป็นกรณีศึกษาอะไรงี้ การสอบของแต่ล่ะวิชาก็จะแตกต่างกันไป บางวิชาก็จะเป็นเขียนเอสเสบ้าง presentation บ้าง report บ้าง report บวกกับ presentation บ้าง หรือสอบ ก็คือแล้วแต่วิชาเลย แต่งานจะเยอะทุกวิชาเลย มันก็จะยากตรงที่ว่า ถ้าวิชานั้นเป็น essay based ปัญหาคือต้องเขียนยังไงก็ได้ให้เอาทุกอย่างที่เรียนต้องแต่อาทิตย์แรกยันอาทิตย์สุดท้ายใส่เข้าไป คือมันต้องเข้าใจมากๆ คือเราไม่สามารถทำ 1 วันแล้วส่งได้ อะไรยากสุดในการเรียนคณะนี้ - เราว่าการทำโปรเจคใหญ่ๆ ยากสุด เพราะมันเหมือนกับว่าถ้าเราทำคนเดียว self-study คนเดียว เราจะมีความเข้าใจในแบบของเรา เราจะตีความได้แบบเดียว scope มันอาจจะเล็ก แต่focus มันชัดเจน สิ่งที่ยากคือ พอมันเป็น group project หลายๆวิชา มันต้องทำกับคน5 คน เหมือนปรึกษากันทำงานด้วยกัน เหมือนมีอยู่วิชานึง เขาให้บริษัท 4 บริษัทมา แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ในวิชานั้น แล้วก็แต่ละกลุ่มได้รับเคสคนละเคสจากบริษัท แล้วเขาให้เจ้าของหรือผู้บริหารบริษัทมาตรวจ final project ของเรา ซึ่งมันก็จะยากเพราะว่าเหมือนกับมีเคสที่เราได้ เป็นบริษัทที่เค้าเรียกว่า one stop shop คือ รับออกแบบห้องครัว รับทำทุกอย่างหมดเลยและเหมือนตัวเค้าออกจากตลาดตรงนั้นไม่ได้ ดังนั้นคนเข้าใจเค้าผิดว่าเค้าเป็น Manufacture แต่เค้าจริงๆ เป็น Creator เข้าแค่จัดให้ให้คุณทุกอย่างแต่ไม่ได้เป็น Supplier ซึ่งเราก็ได้โจทย์นี้มา ซึ่งกลุ่มไหนทำดีแต่จริงๆ ก็มีเสนอให้ทำงานแต่ก็เกือบทุกกลุ่มที่ได้ แต่ของผมได้ข้อเสนอเรื่อง Internship ความประทับใจ - ประทับใจคือ ด้วยความที่เราใช้ชีวิตแบบเมืองใหญ่ๆ มาตลอด แต่พอมาอยู่นี้เราอยู่ในเมืองเล็กทำให้เรารู้จักคนมาก ได้ความรู้สึกอบอุ่นที่รู้จักใครก็ง่าย ไปไหนมาไหนก็สะดวก ค่าใช้จ่ายก็ไม่เยอะ ไปไหนก็นั่งรถไฟได้ เช่น จะไปลอนดอนก็แบบ 2 ชม. เอง แต่ก่อนจะมาเราตอนแรกคิดว่าเราอยากอยู่เมืองใหญ่ๆ เพราะ เรากลัวเบื่อ แต่ไม่เลย เราสนุกเพราะเราเจอเพื่อนที่ดี เรียนก็สนุก เดินทางก็ง่าย มีครบทุกอย่างในเมือง และที่ๆ เราอยู่มันสวยมากจริงๆ อากาศดี ตรงที่เราอยู่มันเรียกว่า Cornwall เช่ารถขับก็ไม่แพงมาก เวลาแชร์กับเพื่อน และด้วยความที่เรามีเพื่อนแบบนานาชาติ ตั้งแต่ จีน ญีปุ่น เกาหลี ทำให้เราฝึกภาษาด้วย การปรับตัวกับเพื่อนใหม่ - ถ้าเป็นพื่อนเอเชียเราก็จะคล้ายๆ กัน ทั้งอาหารการกินแต่ถ้าเป็นทางยุโรปก็จะแตกต่างหรือแม้กระทั่งเรื่องความเคารพกันหรือมารยาทจริงๆ ต้องบอกว่ามันคือความเข้าใจในวัฒนธรรมของเค้าด้วยนะ เพราะ อย่างเค้าจะมีลักษณะคิดอะไรก็จะบอกและยืนยันเหตุผลแบบนั้นเลย เช่น ถ้าเป็นเอเชียเวลาจะกินอะไรเราก็จะบอกว่ากินอะไรก็ได้แต่แอบมีคิดไว้ในใจนะแค่ไม่บอก แต่ถ้าเป็นฝรั่งเค้าจะแบบบอกเลยว่าจะกินอันนี้นะถ้าเราไม่อยากก็แค่บอกเค้าไป กิจกรรมระหว่างที่เรียนที่นั้น - เราก็ร่วมกิจกรรมเค้านะเช่นพวกสามัคคีกีฬาที่แบบจัดรวมกีฬาแข่งขันกับหลายๆ มหาลัย เราก็ไปร่วมเล่นกีฬากับเค้า หรือ พวกงาน Job fair เราก็ไปนะ อันนี้เราแนะนำคือมันทำให้เราหางานง่าย และ เราก็ไปร่วมพวกชมรมแบบ ชมรมดนตรี ชมรมพูล ไรงี้ และ จะบอกเลยว่าจริงๆ การเข้าสังคมและภาษามันไม่ได้ยากเลยเลยอยากให้คนที่ไปตรงนั้นได้มีโอกาสไปอยากให้ใช้ภาษาเยอะๆ เพราะ 1 ปีมันเร็วมากๆ สิ่งที่ได้จากการไปเรียนครั้งนี้ - บอกเลยว่ามันคือ ความมีระเบียบตอนเราอยู่เมืองไทยเราเป็นคนแบบชิลๆ แต่พอมานี้ทุกอย่างคือต้องมีระบบ ระเบียบเช่นการแบ่งเวลา ต้องแบ่งเวลาไปเข้ายิม แบ่งเวลาไปซื้อกับข้าว ทำอาหาร เราคิดว่าทุกคนไปเรียนคือโตขึ้น และยิ่งเราเรารู้สึกได้เลยว่าเราเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่มีใครมาสอนเรา เราแค่ต้องทำให้มันดีขึ้นมันต้องผ่านความลำบากนะ ฝากถึงรุ่นน้อง - คงอยากฝากเรื่องภาษาเพราะการไปเรียนที่นู้นคนชอบคิดว่าวันแรกๆ จะเป็นแค่แบบ Introduction เปล่าเลยมาถึงแปปๆ เริ่มเลยทำให้คนที่ไม่เตรียมพร้อมตรงนี้มาจะลำบากในการเรียนมากๆ ในช่วงแรก มันไม่ได้เรียนเยอะนะครับแต่แค่ว่าเวลาในการทำความเข้าใจมันน้อยมากกว่า ก็อยากให้เตรียมพร้อมและโชคดีทุกคนครับ หลักสูตรอื่นๆที่น่าสนใจที่ University of Exeter Business School ได้แก่ - Business Analytics - Entrepreneurship and Innovation Management - Finance and Investment - Finance and Management - Finance and Marketing - Financial Analysis and Fund Management - Global Political Economy - Human Resource Management - International Business - International Human Resource Management - International Tourism Management - Management - Management - Marketing - The Exeter MBA สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครเรียน ติดต่อพี่ๆ BRIT-Ed ได้ที่ Line ID: @brit-ed Tel: 02-168-7890, หรือลงทะเบียนที่แบบฟอร์มด้านล่างบริการทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ