ความเชื่อผิดๆ เรื่อง “Born to be” ที่ไม่เคยมีปรากฎในปรัชญาของการศึกษาแบบอังกฤษ

ความเชื่อผิดๆ เรื่อง “Born to be” ที่ไม่เคยมีปรากฎในปรัชญาของการศึกษาแบบอังกฤษ

ความเชื่อผิดๆ เรื่อง “Born to be” ที่ไม่เคยมีปรากฎในปรัชญาของการศึกษาแบบอังกฤษ

   

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความเชื่อที่ว่าระบบการศึกษาอังกฤษ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยชื่อดังจะเน้นรับนักเรียนในลักษณะ “born to be” แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางในหมู่พ่อแม่ผู้ปกครองในประเทศไทย บางครั้งอ้างกระทั่งว่าประกาศมาจากกระทรวงศึกษาของอังกฤษกันเลยทีเดียว

BRIT-Ed ขอชี้แจงดังนี้ ว่าความเชื่อดังกล่าวไม่เป็นความจริง

Born to be นั้นมีความหมายถึง “possessing an innate talent or ability in a particular area” เป็นความเชื่อที่ว่าคนเราถูกเกิดมาโดยมีความถนัดบางอย่าง โดยเฉพาะในวิชาชีพเฉพาะทาง อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ความเชื่อแนวนี้เป็นความคิดในทาง “กรรม” จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ทางการอังกฤษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศวัยรุ่นส่วนใหญ่ในประเทศไม่ได้นับถือหรือมีความเชื่อเฉพาะเจาะจงใดๆ ด้วยซ้ำไป จะมีความเชื่อแบบนี้

ที่น่าขันก็คือ Education หรือ Educate มีรากศัพท์มาจากคำว่า Educare ซึ่งหมายถึงการฝึกอบรมหรือหล่อหลอม ซึ่งมนุษย์สามารถถูกอบรมและให้การศึกษา หล่อหลอมให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ (รวมถึงอาชีพต่างๆ) ได้ ซึ่งจะต่างจากสัตว์ทั่วไปตรงที่สัตว์ส่วนใหญ่นั้น “Born to be” สิ่งใดก็จะเป็นสิ่งนั้น เสือหรือสิงโตเมื่อหลายพันปีก่อน born to be นักล่า ปัจจุบันก็ยัง born to be ล่าสัตว์แบบเดิม ด้วยวิธีการเดิมๆ ตรงข้ามกับมนุษย์ที่ไม่กี่พันปีให้หลังสามารถถูก educated ให้ทำงานอาชีพหลากหลาย เช่นหมอ วิศวกร หรือโปรแกรมเมอร์ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน และยังสามารถถูก educated ให้เรียนรู้วิชาใหม่ๆ ได้อีกมากมายในอนาคต พูดง่ายๆ ก็คือ ความเชื่อเรื่อง “born to be” จึงอยู่ในฝั่งตรงกันข้ามกับ “education” ด้วยซ้ำไป

ระบบการศึกษาของ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงศึกษาของอังกฤษไม่มี และไม่เคยมีคำว่า “born to be” กระทรวงศึกษา ฯลฯ ของเวลส์ สก็อตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ ก็ไม่เคยมีการประกาศอะไรเช่นนั้นว่าเน้นนักศึกษาที่ “born to be” Education เชื่อว่าเด็กสามารถเรียนรู้หรือ Educated ได้ ต่างจากความเชื่อในเรื่อง born to be ที่เชื่อว่าคนเราถนัดอย่างใดอย่างหนึ่ง (ซึ่งเป็นความเชื่อในทางพุทธศาสนา) เชื่อว่าคนเราเหมาะกับการทำอาชีพใดเป็นการเฉพาะไม่กี่อาชีพเท่านั้น

วิชาที่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ วิชาคณิตศาสตร์ ที่มีงานศึกษาจำนวนมากชี้ว่า “ความฉลาด” หรือสิ่งที่ born to be มาแต่แรก ช่วยได้แค่การพัฒนาความรู้ความเข้าใจพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กเท่านั้น แต่คะแนนคณิตศาสตร์ แทบทั้งหมดเป็นผลมาจากแรงบันดาลใจในการเรียน และการฝึกฝน (Motivation & Study Habits) หมายความว่า เด็กฉลาดอาจจะเข้าใจคณิตศาสตร์ได้เร็วกว่า แต่เด็กการเข้าใจคณิตศาสตร์ในเวลาอันสั้น ก็ไม่ได้ว่าจะทำคะแนนได้ดีกว่า และในระยะยาว เด็กที่อาจจะไม่ได้ born to be strong mathematically แต่มีแรงบันดาลใจในการเรียนมากกว่า ฝึกฝนมากกว่า ก็จะทำคะแนนได้สูงกว่า

ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อในเรื่อง born to be อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อเด็กด้วยซ้ำ พ่อแม่ที่เชื่อผิดๆ ไปว่าลูก born to be บางสิ่งบางอย่าง อาจะทำให้ลูกๆ พลาดโอกาสที่จะได้ explore หลายสิ่งหลายอย่าง เช่นโลกนี้ยังมีอาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย หลายสิบปีก่อนยังไม่มีอาชีพ programmers หรือแค่ 5 ปีก่อนก็ยังแทบไม่มีใครเคยได้ยินอาชีพ data analyst ถ้าคุณแม่บิล เกตส์ เชื่อในเรื่อง “born to be” ตอนนี้บิล เกตส์ ก็คงเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยดังๆ ซักแห่ง แทนที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจบริษัทซอฟแวร์ที่เคยรวยอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันถึงกว่าทศวรรษ เซอร์ไอแซค นิวตัน ที่หลงใหลในคัมภีร์ไบเบิลก็คงต้องเป็นบาทหลวง แทนที่จะเป็นนักฟิสิกส์อันดับ 1 ของโลก หรือถ้าทำแบบทดสอบด้านอาชีพในยุคนั้นก็ไม่มีอาชีพ “นักฟิสิกส์” ให้เลือกด้วยซ้ำ เพราะชื่อวิชา “ฟิสิกส์” เพิ่งจะเริ่มใช้นับร้อยปีหลังจากนิวตันเสียชีวิตไปแล้ว

โดยสรุป ทางกรรอังกฤษไม่เคยประกาศเรื่อง “born to be” หรือคนเราเกิดมาเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ การศึกษาเป็นเรื่องของ motivation, exploration, และ study habit ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของลูกๆ ในระยะยาวด้วยค่ะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครเรียน

  ติดต่อพี่ๆ BRIT-Ed ได้ที่ Line ID: @brit-ed Tel: 02-168-7890, หรือลงทะเบียนที่แบบฟอร์มด้านล่างบริการทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ

ลงทะเบียนร่วมงาน UCL Foundation Talk

  • ข้อมูลส่วนตัว

  • หลักสูตรที่สนใจศึกษาต่อ