เรียนต่อด้าน Art & Design ในอังกฤษ

เรียนต่อด้าน Art & Design ในอังกฤษ

Fine Arts Vs Commercial Arts แตกต่างยังไง ? เรียนอะไรดี ?


Fine Arts หรือวิจิตรศิลป์ คือ สาขาของศิลปะที่เน้นการตอบสนองต่ออารมณ์และความรู้สึกตลอดจนอำนวยความสะดวกต่อจิตใจ เพื่อสร้างสุนทรียภาพ โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยมากมาย เรียกได้อีกอย่างนึงว่า ศิลปะบริสุทธิ์ (Pure Arts)

วิจิตรศิลป์สามารถแตกออกได้อีก 5 แขนงหลัก ๆ ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม ภาพพิมพ์ วรรณกรรม และคีตกรรม

จิตรกรรม: เน้นการถ่ายทอดความงดงามและความรู้สึกลงบนพื้นผิวสองมิติ ผ่านการใช้เส้นและรูปร่าง โดยเน้นไปที่การวาดภาพ ระบายสี นอกจากนี้ยังมีการใช้รูปทรง แสง สี และเงาลงบนภาพเพื่อให้เกิดภาพลวงตา เพิ่มความตื้นลึก ระยะใกล้ไกล เพื่อให้ภาพเป็นแบบสามมิติ เป็นต้น

ประติมากรรม: เน้นการปั้น แกะสลัก หล่อภาพที่เป็น 3 มิติ โดยอาศัยความกว้าง ยาว ลึก และหนา โดยส่วนใหญ่อาจใช้วัสดุหลาย ๆ อย่างมาประกอบกัน เช่น ไม้ ดินเหนียว โลหะ ปูน เป็นต้น

สถาปัตยกรรม: เน้นไปที่การออกแบบก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เจดีย์ อนุสาวรีย์ อาคาร ที่อยู่อาศัย เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งด้านจิตใจและวัตถุ นอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึงการวางผังบริเวณต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวยงามและการใช้สอยประโยชน์

วรรณกรรม: เน้นการใช้ภาษาแสดงออกให้เกิดเป็นผลงานศิลปะ กระบวนการสร้างวรรณกรรมเกิดจากการนึกคิดและจินตนาการ ก่อนที่จะนำมาเรียบเรียงและนำมาบอกเล่าหรือสื่อออกมาผ่านวิธีต่าง ๆ

คีตกรรม: เน้นการใช้เสียงมาแสดงออกให้เกิดเป็นผลงานศิลปะ โดยผ่านกระบวนการจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบและมีแบบแผนโครงสร้างที่ชัดเจน เช่น ดนตรี ที่เราสามารถนำมาใช้ได้ในโอกาสต่าง ๆ

จุดเด่นของ Fine Arts

  • การแสดงออกอย่างสร้างสรรค์: ศิลปกรรมช่วยให้ศิลปินสามารถแสดงออกและสื่อสารมุมมอง อารมณ์ และประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครผ่านรูปแบบภาพหรือผลงานศิลปะในแขนงต่าง ๆ ได้ ซึ่งเป็นวิธีสำหรับศิลปินในการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และผลักดันขอบเขตของการแสดงออกทางศิลปะ
  • ความชื่นชมด้านสุนทรียะ: งานวิจิตรศิลป์มักเป็นงานที่มีจุดเด่นคือได้รับการชื่นชมจากความงาม รูปแบบ และรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจ ผ่านการตีความและวิจารณญาณที่ไม่เหมือนกันในแต่ละคนโดยผลงานต่าง ๆ นั้นดึงดูดผู้ชมในระดับประสาทสัมผัส กระตุ้นการตอบสนองทางอารมณ์และกระตุ้นการไตร่ตรอง ความซาบซึ้งในงานศิลปะเกี่ยวข้องกับการตีความตามปัจเจกบุคคลและความเชื่อมโยงส่วนตัวระหว่างงานศิลปะกับผู้ชม
  • มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม: วิจิตรศิลป์มีบทบาทสำคัญในการรักษาและสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และประเพณีของสังคม งานศิลปะจากยุคสมัยต่าง ๆ ให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับบริบททางสังคม การเมือง และวัฒนธรรมที่พวกเขาสร้างขึ้น สามารถใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาหนึ่ง หรือเป็นตัวกระตุ้นแสดงให้เห็นถึงการวิจารณ์และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านผลงานต่างๆของศิลปินในยุคนั้น ๆ
  • สื่อและเทคนิคที่หลากหลาย: วิจิตรศิลป์ครอบคลุมสื่อและเทคนิคที่หลากหลายมีความดั้งเดิม ช่วยให้ศิลปินสามารถทดลองและสำรวจแนวทางศิลปะที่แตกต่างกัน ตั้งแต่สื่อดั้งเดิม เช่น สีน้ำมันและประติมากรรมหินอ่อน ไปจนถึงสื่อร่วมสมัย เช่น ศิลปะดิจิทัลและศิลปะจัดวาง ศิลปินมีอิสระในการเลือกสื่อที่เหมาะกับวิสัยทัศน์ทางศิลปะของตนมากที่สุด
  • การลงทุนและการสะสม: วิจิตรศิลป์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดศิลปะระดับโลก โดยมีการซื้อและขายงานศิลปะในราคาสูงการตีมูลค่า นักสะสม ผู้หลงใหลในศิลปะ และนักลงทุนต่างให้ความสำคัญกับงานวิจิตรศิลป์เนื่องจากคุณภาพและศักยภาพทางสุนทรียภาพส่วนตัวในฐานะการลงทุน ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและวงการศิลปะให้เติบโตต่อไป
 

เด็ก Fine Arts เรียนอะไรบ้าง ?

สำหรับหลักสูตรปริญญาตรีของ Fine Arts ทั้งในประเทศไทยและสหราชอาณาจักรมีความคล้ายกันในเรื่องของเนื้อหาที่จะเริ่มจากการปูพื้นฐานความรู้ทางศิลปะและทักษะทั่วไปแล้วค่อยให้นักศึกษาได้ลงมือทำสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง ซึ่งทั้งสองประเทศจะแตกต่างกันตรงที่ในประเทศไทยจะเรียน 4 ปี แต่ในสหราชอาณาจักรจะเรียน 3 ปี นอกจากนี้ เนื้อหาและรูปแบบการเรียนการสอนก็ยังแตกต่างกันอีกด้วย

ถ้าหากน้อง ๆ อยากมาเรียน Fine Arts ที่สหราชอาณาจักร รูปแบบการเรียนการสอนตลอด 3 ปีของคอร์ส น้อง ๆ จะได้เรียนเนื้อหาประมาณนี้

  • ปี 1 เทอม 1: เรียนรู้และทบทวนทักษะพื้นฐานด้านศิลปะที่จำเป็นในการเป็นศิลปิน 
  • ปี 1 เทอม 2: เรียนรู้วิธีสังเคราะห์ทักษะและสิ่งที่เรียนมาประยุกต์และสร้างสรรค์เป็นผลงานของตนเอง
  • ปี 2 เทอม 1: เลือกสาขาเฉพาะทาง
  • ปี 2 เทอม 2 เป็นต้นไป: ทำ Arts Project ของตัวเอง

ในส่วนของรูปแบบการเรียนการสอนในหลักสูตร Fine Arts นั้น มีทั้งการบรรยายและภาคปฏิบัติ โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ภาคปฏิบัติเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกฝนทักษะตัวเองผ่านการลงมือทำ

สำหรับหลักสูตรปริญญาโท ของ Fine Arts (Master of Fine Arts หรือ Master of Arts)ในมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรจะใช้เวลาเรียนหนึ่งปี โดยรวมแล้ว เนื้อหาของหลักสูตร Fine Arts ในระดับปริญญาโทจะมีวิชาให้เลือกเรียนเกี่ยวกับการทำภาพยนตร์ ละครเวที กราฟิกดีไซน์ เต้น และการเขียนเชิงสร้างสรรค์ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้จะเป็นเนื้อหาเชิงลึก โดยหลักสูตร Master of Fine Arts (MFA) จะเน้นการปฏิบัติมากกว่า Master of Arts ที่เน้นทฤษฎี และในระหว่างคอร์สเรียน นักเรียนจะได้นำเสนอผลงานของตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงผลงานภาพถ่าย การแสดงเต้น หรือหนังสั้น เป็นต้น

มหาวิทยาลัยใน UK และคอร์สเรียน ป.โท ที่โดดเด่นด้าน Fine Arts 

Art University Bournemouth (AUB) เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่ให้การศึกษาเฉพาะทางคุณภาพสูงในด้านศิลปะ การออกแบบ สื่อ และการแสดงในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยจะเน้นในมีความเข้าใจในสาขาวิชาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ให้โอกาสคุณได้วิพากษ์วิจารณ์ในงานของตัวเองและได้มีโอกาสฝึกฝนมากขึ้นโดย AUB ได้รับการจัดอันดับจาก The Guardian League Table โดย Arts University Bournemouth อยู่ในอันดับที่ 70.

คอร์สที่น่าสนใจ

  • MA Fine Art
  • MA Design and Innovation
  • MA Animation Production
  • MA Film Practice
  • MA Interior Design

Kingston University London เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษที่เป็นจุดหมายของใครหลาย ๆ คนโดยเฉพาะในด้านของ Design และ Entrepreneurship ที่นี่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น Top 5 และ Top 10 ในทุก ๆ ปี โดย Guardian University Guide ได้จัดให้ Kingston University เป็นลำดับที่ 1, 2, 5, 6 ในสาขา interior design, design and crafts, fashion, และ architecture ตามลำดับ โดยหลักสูตรที่โด่งดังได้แก่ Interior Design, Graphic Design, Product Design  etc.

คอร์สที่น่าสนใจ

  • MFA Fine Art
  • MA Photography
  • MA Photography
  • MA Product and Furniture Design
  • MA Sustainable Design
 

Coventry University

Coventry University เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ทันสมัยที่สุดในสหราชอาณาจักร สำหรับน้อง ๆ ที่ชื่นชอบในสาขา fashion และ graphic design โดยทางมหาวิทยาลัยมีหลากหลายหลักสูตรเกี่ยวกับ การออกแบบให้น้องๆได้เลือกเรียน ไม่ว่าจะเป็น Product Design, Interior Design, Automotive Design etc. โดยมีคนดังระดับโลกที่จบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Ian Callum ผู้ออกแบบรถยนต์จากัวร์ ก็จบจากที่นี่ในสาขา Transportation Design

คอร์สที่น่าสนใจ

  • MA Fine Art
  • MA Painting
  • MA Design Management
  • MA Automotive and Transportation Design
  • MA Illustrator and Animation
 

เงินเดือนสาย Fine Arts

อาชีพทางศิลปะและวิจิตรศิลป์มีหลายสายงานและอาชีพที่สามารถทำได้โดยมีตัวอย่างอาชีพและฐานเงินเดือนใน UK ดังนี้

1. ผู้กำกับศิลป์ (Arts Director): ผู้กํากับศิลป์ทํางานร่วมกับผู้กํากับภาพเพื่อตัดสินใจว่าฉากไหนดีที่สุดในการผลิตแต่ละครั้ง นอกจากนี้ผู้กำกับศิลป์ยังรับผิดชอบการว่าจ้างและกํากับบุคลากรทั่วทั้งแผนกศิลปะพร้อมติดตามงบประมาณและตารางเวลา เพื่อให้การผลิตวิดีโอทั้งหมดเป็นไปอย่างเรียบร้อย ผู้กํากับศิลป์จะเข้าร่วมการประชุมการผลิตทั้งหมดเพื่อถ่ายทอดข้อมูลสําคัญและส่งต่อข้อมูลให้นักออกแบบและทีมงานคนอื่น ๆ 

รายได้เฉลี่ยต่อปี: £49,162 / 2,200,852.89 บาท*

2. ประติมากร (Sculptor): ประติมากรเป็นคนที่มีความชำนาญในการสร้างสิ่งประติมากรรม ซึ่งเป็นผลงานที่สร้างขึ้นด้วยมือผู้ใช้เทคนิคและวัสดุต่าง ๆ เพื่อสร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และมีคุณภาพสูงและนำไปประดับตกแต่งสถานที่หรือหรือจัดแสดงโชว์ในสถาพที่ต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์

รายได้เฉลี่ยต่อปี: £19,391 / 868,083.85 บาท*

3.มัณฑนากร (Decorator): เป็นผู้ที่มีความชำนาญในการออกแบบและตกแต่งภายในเพื่อให้พื้นที่หรือสถานที่ดูน่าสวยงาม มีความเป็นเอกลักษณ์ และตรงตามความต้องการของลูกค้า หน้าที่ของนักตกแต่งต้องมีการวางแผนและออกแบบ, เลือกและจัดหาวัสดุให้เหมาะสบกับงบประมาณและพื้นที่รวมถึงลักษณะของสถานที่นั้นๆ

รายได้เฉลี่ยต่อปี: £21,756 / 973,958.66 บาท*

*อัตราแลกเปลี่ยนเงินเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566


 

Commercial Arts หรือ พาณิชย์ศิลป์ คือการผสมผสานศิลปะและการค้าเข้าด้วยกัน เป็นการสร้างผลงานศิลปะที่เน้นไปทางด้านการตลาดและธุรกิจ โดยมุ่งหวังที่จะสร้างผลยอดขายให้กับการขายสินค้าหรือบริการ และสร้างความสนใจและเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของลูกค้า

พาณิชย์ศิลป์มักใช้ในการสร้างสื่อการตลาดเช่นโฆษณา โปสเตอร์ บรรจุภัณฑ์ แผ่นพับ หรือสื่ออื่น ๆ ที่มุ่งเน้นการสร้างความตอบรับจากลูกค้า โดยการใช้สีสัน รูปแบบ ภาพถ่าย ออกแบบกราฟิก หรือสื่อดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อสร้างความประทับใจและสร้างความสนใจต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีการตลาด เช่น การใช้งานพาณิชย์ศิลป์อาจเกี่ยวข้องกับการออกแบบโลโก้และตราสินค้า เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้น่าจดจำและรู้จักกับแบรนด์ หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีความสวยงามและดึงดูดสายตาของผู้บริโภค เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ซื้อสนใจและเลือกซื้อสินค้านั้น ๆ

พาณิชย์ศิลป์มีบทบาทสำคัญในการสร้างการตลาดที่ประสบความสำเร็จ โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ มีความสวยงาม โดยจะเรียกผู้สร้างสรรค์งานว่า นักออกแบบ (Designer)

 

จุดเด่นของ Commercial Arts

  • การนำเสนอและเข้าถึงข้อมูล: Commercial Arts ทำให้ผู้บริโภคหรือผู้เสพสื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลของผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ง่ายและรวดเร็ว รวมถึงมีลูกเล่นที่หลากหลายเพื่อดึงดูดความสนใจของลุกค้าได้อีกด้วย
  • เพิ่มมูลค่าให้กับผลงาน: Commercial Arts ช่วยทำให้ตัวผลงานหรือผลิตภัณฑ์ของศิลปินนั้นเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ผ่านการทำการตลาดและโปรโมทโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ด้วยเพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับทั้งตัวงานศิลป์และศิลปิน
  • เพิ่มความหลากหลายให้กับวงการอุตสาหกรรม: Commercial Arts ทำให้การนำเสนอข้อมูล ผลงานหรือผลิตภัณฑ์ไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในพิพิธภัณฑ์ แต่สามารถขยายออกไปได้ในหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ นิตยสาร โทรทัศน์ หรือแอพพลิเคชั่น
  • สร้างอาชีพใหม่: Commercial Arts ทำให้เกิดโอกาสในอาชีพใหม่ ๆ เนื่องจากต้องมีการนำข้อมูลองก์ความรู้จากหลายแขนงมาประยุกต์เพื่อใช้ในการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ เช่น ความรู้ทางการตลาดเพื่อวางแผนโปรโมทสินค้า หรือนักออกแบบกราฟิกเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้สินค้าน่าสนใจกับผู้บริโภค
 

เด็ก Commercial Arts เรียนอะไรบ้าง? 

หลักสูตร commercial arts ในประเทศอังกฤษนั้นค่อนข้างที่จะคล้ายกับประเทศไทย นั่นก็คือการเรียนวิชาพื้นฐานในปีต้น ๆ ก่อนที่จะไปเรียนเฉพาะทางที่ตัวเองสนใจในปีสูงๆ แต่ความแตกต่างของมหาวิทยาลัยไทยและอังกฤษในหลักสูตรนี้คือ อังกฤษจะใช้เวลาเรียนทั้งหมด 3 ปีหรือในบางมหาวิทยาลัย น้องๆสามารถเลือกเรียน 4 ปีก็ได้ซึ่งใน ปีที่ 3 จะเป็นปีที่น้องๆสามารถเลือกไปแลกเปลี่ยนได้  แต่ในไทยจะใช้เวลา 4 ปี 

ถ้าหากน้องๆเลือกเรียน commercial arts ในอังกฤษ ตลอดระยะเวลา 3 ปีหลักๆของน้องๆ จะต้องเจอกันอะไรบ้าง

ปี 1 น้องๆจะได้เรียนเกี่ยวกับพื้นฐานของการออกแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ แผ่นป้ายโฆษณา โปสเตอร์ เป็นต้น ในขณะที่ปี 2 ก็จะยังคงเป็นวิชาพื้นฐานอยู่แต่วิชาจะเป็นการเจาะลึกและเน้นการวิเคราะห์มากยิ่งขึ้นตลอดจนทำโปรเจค เวิร์คชอปมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในปีนี้ น้องๆยังสามารถเลือกเรียนวิชาได้ตามความสนใจของตัวเองอีกด้วย และในปีสุดท้าย น้องๆจะต้องทำ project 1-2 อันโดยใช้ความรู้ที่ได้เรียนมา นำมาประยุกต์ใช้อีกด้วย 

สำหรับหลักสูตรปริญญาโทของ Commercial Arts (Master of Arts) ในสหราชอาณาจักรจะใช้เวลาเรียนหนึ่งปีแบบ full-time เช่นเดียวกับหลักสูตรปริญญาโทในสาขาอื่น ๆ โดยเนื้อหาในระดับปริญญาโทของ Commercial Arts นั้นจะเน้นไปทางปฏิบัติและลงมือทำมากยิ่งขึ้น ในสาขาของ Commercial Arts ที่มีความรู้อื่น ๆ เช่น ด้าน Entrepreneurship มาเกี่ยวข้อง น้อง ๆ ก็จะได้ลงมือปฏิบัติและพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ หรือร่วมงานสัมมนาเฉพาะทางเกี่ยวกับวงการนี้

 

มหาวิทยาลัยใน UK และคอร์สเรียน ป.โท ที่โดดเด่นด้าน Commercial Arts 

University of Gloucestershire ค้นพบหลักสูตรศิลปะอันหลากหลาย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และการรับฟังความคิดเห็นจากนักศึกษาและการแบ่งปันประสบการณ์จากรุ่นพี่หรือเหล่าผู้มีประสบการณ์ที่ University of Gloucestershire และมีหลักสูตรลองรับในสายงานนี้ เช่น animation & games design อยู่ในอันดับที่ 6 ในสหราชอาณาจักรด้าน ความพึงพอใจของนักเรียนและความพึงพอใจในการสอน จาก the Guardian University Guide 2023 และยังมี สาขา visual communication ที่มีนักศึกษาชนะรางวัลอันดับ1 ในรายการระดับโลกต่างๆเช่น  Penguin Cover Design Awards, JKR Global Student Design Award

คอร์สเรียนที่น่าสนใจ

  • MA  Animation
  • MA  Illustration
  • MDES Graphic Design
 

Loughborough University  โฟกัสด้านการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่มีชีวิตชีวา สร้างสรรค์ และใช้งานได้จริง ซึ่งนักเรียนสามารถสำรวจความสามารถในการสร้างสรรค์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ภายใต้การแนะนำของเจ้าหน้าที่สนับสนุนด้านศิลปะและด้านเทคนิคนักเรียนจะได้รับแรงบันดาลใจในการพัฒนาทักษะและประสบการณ์ที่หลากหลายผ่านการทำงานจริงอย่างสร้างสรรค์และผ่านการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมต่างๆที่กว้างขวางของมหาวิทยาลัยและมีหลักสูตรรองรับที่อยู่ในระดับท็อป โดยได้รับจากจัดอันดับอยู่ที่ 32 ของโลกในสาขา arts and Design จาก QS World University Rankings และเป็นอันดับที่ 1 ในสหราชอาณาจักรในสาขา Fashion and textiles จาก the Guardian University Guide 2023

คอร์สเรียนที่น่าสนใจ

  • MA Graphic Design and Visualization
  • MA Theatre
  • MA Storytelling
 

University for the Creative Arts เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาอาชีพในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หลักสูตรครอบคลุมศิลปะ ธุรกิจ และเทคโนโลยี โดยมีเนื้อหาตั้งแต่การแสดงไปจนถึงงาน Virtual & Immersive Reality โดยยังมีเนื้อหาให้เลือกอีกมากมาย โดยได้รับการจัดอันดับที่ 151-200 in QS WUR Ranking 2022 และมีหลักสูตรที่โดดเด่นคือ Animation, Design Innovation, Digital fashion etc. 

คอร์สที่น่าสนใจ

  • MA Creative Direction for Fashion 
  • MA Games Art
  • MA Illustration
 

เงินเดือนสาย Commercial Arts

1. นักออกแบบเว็บไซต์ (Web designer)

ในโลกที่ข้อมูลข่าวสารทุกอย่างสามารถสืบค้นได้จากเว็บไซต์ อาชีพที่กลายมาเป็นอาชีพที่ต้องการมากที่สุดก็คืออาชีพนักออกแบบเว็บไซต์ หน้าที่หลัก ๆ ของนักออกแบบเว็บไซต์คือสร้าง ออกแบบ และอัพเดตเว็บไซต์ให้กับองค์กรต่าง ๆ โดยใช้ความรู้ด้านประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User-experience/ UX) สร้างเว็บไซต์ที่เข้าถึงและใช้งานง่าย อีกทั้งดึงดูดให้เข้ามาใช้งาน นอกจากนี้ นักออกแบบเว็บไซต์ก็ต้องดูแลเรื่องการตกแต่งเว็บไซต์ การเลือกใช้สีและฟ้อนต์ตัวอักษรให้สวยงามและน่าดึงดูด ออกแบบภาพประกอบ ใช้ขั้นตอนการใช้งานของผู้ใช้ (User flows) และแผนที่เพื่อสื่อสารถึงไอเดียในการออกแบบ

รายได้ต่อปี: £35,473 / 1,591,230.10 บาท

2. นักวาดภาพประกอบ (Illustrator)

นักวาดภาพประกอบส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในสายงานดิจิทัลหรือในวงการศิลปะและการบันเทิง ซึ่งหน้าที่หลัก ๆ ของนักวาดภาพประกอบคือการออกแบบกราฟิก ฉากวิวทิวทัศน์ หรือภาพประกอบให้กับบริษัทวิดีโอเกม สถานีโทรทัศน์ หรือสตูดิโอภาพยนตร์ นอกจากนี้งานอื่น ๆ อย่างการออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ เช่น ปฏิทิน การ์ด หรือฉลากห่อสินค้าเป็นต้น

รายได้ต่อปี: £29,468 / 1,321,860.81 บาท

3. นักออกแบบกราฟิก (Graphic designer) 

สำหรับนักออกแบบกราฟิกนั้นสามารถเลือกทำงานได้ทั้งในบริษัทหรือเป็นฟรีแลนซ์ก็ได้ หน้าที่ของนักออกแบบกราฟิกจะรับผิดชอบในส่วนของการออกแบบดีไซน์เพื่อโปรโมทแบรนด์ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโลโก้บริษัท ใช้ซอฟต์แวร์ดีไซน์เพื่อทำการตลาดดิจิทัล หรือออกแบบเว็บไซต์ไปจนถึงการเลือกสีและฟ้อนต์ให้สวยงามและน่าดึงดูด

ส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในบริษัทโฆษณา บริษัทออกแบบกราฟิก หรือในฝ่ายการตลาด

รายได้ต่อปี: £27,268 / 1,223,174.31 บาท 

*อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2566


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครเรียน

ติดต่อพี่ๆ BRIT-Ed ได้ที่ Line ID: @brit-ed

Tel: 02-168-7890, หรือลงทะเบียนที่แบบฟอร์มด้านล่างบริการทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ

ลงทะเบียนร่วมงาน

  • ข้อมูลส่วนตัว

  • หลักสูตรที่สนใจศึกษาต่อ