อังกฤษไม่ได้มีแค่ฟุตบอล!

อังกฤษไม่ได้มีแค่ฟุตบอล!

Beyond Football !!  อังกฤษไม่ได้มีแค่ฟุตบอล

หากพูดถึงกีฬาประจำชาติของประเทศอังกฤษชื่อแรกที่เพื่อน ๆ จะนึกถึงอย่างแน่นอนก็คือ ฟุตบอลซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟุตบอลนั้นมีความสำคัญทั้งทางวัฒนธรรมที่ชาวอังกฤษบางกลุ่มเทียบเท่าได้กับศาสนาเลยทีเดียว และความมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานรวมถึงมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษอย่างมากด้วยมูลค่าการตลาดของพรีเมียร์ลีคที่สูงที่สุดในโลกปัจจุบันเลยก็ว่าได้แต่ถึงอย่างนั้นเราก็อยากที่จะแนะนำกีฬาที่ประเทศอังกฤษเป็นต้นกำเนิดหรือเป็นที่นิยม และก็มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่แพ้ฟุตบอลในประเทศอังกฤษให้เพื่อน ๆ ดูกันว่าอังกฤษไม่ได้มีดีแค่ฟุตบอล


1. คริกเก็ต (Cricket)

โดยช่วงเวลาเริ่มต้นของกีฬาคริกเก็ตที่แท้จริงนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะก่อนปี ค.ศ. 1550 ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ เพราะมีพยานที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ว่าเขาเล่นกีฬาชนิดนี้เมื่อยังเป็นเด็กในปี และคริกเก็ตมีการบันทึกว่ามีการเล่นมากที่สุดในปี 1598 เมื่อเกมคริกเก็ตได้ถูกบันทึกลงในเอกสารทางกฎหมายว่า "กีฬาคริกเก็ต" ในเมืองของ Guildford, Surrey ในอังกฤษ จากนั้นกีฬาคริกเก็ตได้รับความนิยมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในยุคต่อมา หลังจากนั้นความนิยมก็ขยายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของอังกฤษ และเมื่อคนอังกฤษขยายอาณานิคมไปยังดินแดนใดก็นำกีฬาชนิดนี้ไปเล่นด้วยจนทำให้เกิดความนิยมในหลาย ๆ พื้นที่จนถึงปัจจุบัน

สำหรับกีฬาคริกเก็ตเพื่อนๆอาจจะไม่ทราบว่าเรียกได้ว่าเป็นกีฬาที่นิยมรองจากฟุตบอลในประเทศอังกฤษเลยทีเดียวแต่อาจด้วยความไม่ค่อยเป็นที่นิยมในไทยมากเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับกีฬาอื่นๆแต่ก็เป็นกีฬาที่มีความน่าสนใจไม่น้อยและมีโอกาสเติบโตในไทยได้เมื่อสังเกตจากความนิยมของกีฬานี้ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินเดีย,สิงคโปร์,ออสเตรเลีย เป็นต้น

โดยกีฬาชนิดนี้ต้องตีลูกเพื่อทำคะแนน ฝ่ายใดทำแต้มได้เยอะกว่าก็ชนะไป เป็นกีฬาที่ผู้ชมจะลุ้นกับการแข่งขันอย่างตื่นเต้นรวมถึงเพราะความมีประวัติศาสตร์อันยาวนานทำให้มีความผูกผันทางวัฒนธรรมของชาวอังกฤษโดยเป็นอีกนึงกีฬาที่น่าสนใจและน่าทดลองเล่นสำหรับผู้ที่ไม่รู้จักมาก่อนโดยเพื่อนๆ อาจจะเป็นผู้บุกเบิกกีฬานี้ให้เป็นที่โด่งดังในประเทศไทยเลยก็เป็นได้


2.รักบี้ (Rugby)

กีฬารักบี้ (Rugby) เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 19 ต้นกำเนิดของกีฬารักบี้สามารถย้อนไปติดตามได้ถึงปี 1823 ที่มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยรักบี้ ทานเฟรด (Rugby School) ในเมืองรักบี้ ในเกมฟุตบอลที่นักศึกษากำลังเล่นอยู่ มีนักศึกษาชื่อว่าวิลเลียม เว็บ เอลิส ที่รับลูกบอลแล้วในตำแหน่งที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตู ก็ทำแฮนด์บอลสุดฮือฮาด้วยการหยิบลูกบอลมาอุ้มไว้ ก่อนวิ่งหลบผู้เล่นฝั่งตรงข้ามไปยังประตูอีกฝั่งหนึ่งแบบหน้าตาเฉย ทำเอาทั้งสนามทั้งอึ้งทั้งขำในเวลาเดียวกันจนมีคนสนใจและนำวิธีการเล่นนี้ไปประยุกต์เป็นการละเล่นเองและแพร่หลายมากขึ้นจนในเวลาต่อมามีการร่างกฎกติกาขึ้นมาในปี ค.ศ. 1845และมีการตั้งสมาพันธ์รักบี้ฟุตบอล (The Rugby Football Union : RFU หรือสมาคมรักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศอังกฤษในปัจจุบัน) ขึ้นในปี ค.ศ. 1871 เพื่อร่างกติการักบี้อย่างเป็นทางการเพื่อแยกจากฟุตบอลโดยสิ้นเชิง

รักบี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกีฬายอดฮิตในอังกฤษเลยก็ว่าได้เนื่องด้วยกติกา, วิธีการเล่น และประวัติศาสตร์และนักกีฬารักบี้ต้องมีความแข็งแรงทั้งกายและจิตใจ เพราะเกมนี้เป็นการปะทะกันเพื่อครองลูกบอลและเป็นกีฬาที่มีการชนกันต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดพัก โดยสามารถทำให้เกิดอาการบาดเจ็บรุนแรงได้ รวมถึงมีการทะเลาะวิวาทและการปะทะกันอย่างเต็มที่ระหว่างผู้เล่นโดยมีอุปกรณ์ป้องกันที่น้อยมากอาจเป็นกีฬาที่ทำให้ผู้เล่นมีอันตรายที่สูงแต่ก็เป็นกีฬาที่เล่นกันโดยคำนึงถึงแนวคิด ‘สุภาพมนุษย์’ในทุกเพศทุกวัย โดยไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นผู้ชายเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าถึงกีฬาที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง มันสมอง การทำงานเป็นทีม การปรับตัว และการให้เกียรติซึ่งกันและกันดังนั้นเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ต้อนรับเพื่อนๆทุกคนอย่างแน่นอน


3.แบดมินตัน (Badminton)

กีฬาแบดมินตันนั้นมีประวัติศาสตร์เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 ในประเทศจีน จากหลักฐานของภาพวาดเก่า ๆ ซึ่งบ่งบอกว่ามีการใช้ขนไก่ มาทำเป็นลูกขนไก่ใช้ในการเล่นแต่การบันทึกที่มีหลักฐานอ้างอิงได้เริ่มในปี พ.ศ. 2413 (ค.ศ. 1870) ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีเรื่องเล่าว่า นายทหารคนหนึ่งที่ไปประจำการอยู่ในเมืองปูนา ประเทศอินเดีย (Poona เป็นเมืองเล็กๆ ห่างจากเมืองบอมเปย์ประมาณ 50 ไมล์) ได้เห็นกีฬาที่รวมการเล่นสองอย่างเข้าด้วยกันคือ การเล่นปูนาของประเทศอินเดีย และการเล่นไม้ตีกับลูกขนไก่ (Battledore Shuttle Cock) ของยุโรป ในระยะแรกๆ การเล่นจะเล่นกันเพียงแต่ในหมู่นายทหารของกองทัพ และสมาชิกชนชั้นสูงของอินเดีย จนกระทั่งนายทหารอังกฤษที่ไปประจำการอยู่ที่เมืองปูนา นำกลับไปเล่นในอังกฤษ ณ คฤหาสน์ แบดมินตัน ของดยุคแห่งบิวฟอร์ด ที่กล๊อสเตอร์เชอร์ ในปี พ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873) เกมกีฬาตีลูกขนไก่จึงถูกเรียกว่า แบดมินตัน ตามชื่อของสถานที่นับตั้งแต่นั้นมา

โดยแบดมินตันก็ถือเป็นกีฬาที่เพื่อนๆน่าจะรู้จะเป็นอย่างดีเนื่องจากเป็นที่นิยมทั้งในไทยและในเอเชียเพราะเป็นกีฬาที่เล่นได้ทุกเพศทุกวัยอุปกรณ์ก็ไม่แพงและการเล่นแบดมินตันเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมและมีผู้เล่นและแฟนคลับมากในอังกฤษเช่นกัน โดยส่วนใหญ่การเล่นแบดมินตันในประเทศนี้มีการแข่งขันและการเรียนรู้เชิงประสบการณ์เป็นหลัก อังกฤษยังเป็นเจ้าภาพของทัวร์นาเมนต์แบดมินตันระดับโลกอย่าง All England Open Badminton Championships ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับสังกัดโลกที่สำคัญและมีความสำคัญมากในวงการแบดมินตัน


4.เทนนิส (Tennis)

เทนนิสมีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 ของฝรั่งเศส เมื่อมีการเล่นในรูปแบบของเกมแฮนด์บอลที่เรียกว่า 'paume' หรือปาล์ม เกมเกี่ยวข้องกับการตีลูกบอลไปมาด้วยมือ ในเวลาต่อมา ถุงมือหนังสีดำถูกนำมาใช้ จากนั้นจึงเพิ่มที่จับเข้าไปในถุงมือ ซึ่งกลายเป็นแร็กเก็ตอันแรกต่อมาตอนปลายศตวรรษที่ 16 Le Jeu Du Paume ถูกนำเข้าไปในประเทศอังกฤษ จึงนับได้ว่าประเทศอังกฤษมีส่วนในการพัฒนากีฬานี้ และในตอนต้นศตวรรษที่ 17 มีการสร้างคอร์ทนับร้อยในกรุงปารีสและกีฬานี้เป็นที่นิยมมาก จนกระทั่งนำไปสู่การพนัน ทำให้กีฬานี้ถูกห้ามเล่นในที่สาธารณะแต่อนุญาติให้เล่นได้ในกลุ่มสังคมชั้นสูง และในตอนปลายศตวรรษที่ 18 คำว่า เตอเน่ (Tenez) ก็ปรากฎขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะชาวอังกฤษพยายามออกเสียงตามภาษาฝรั่งเศสโบราณ ซึ่งคำว่า “เตอเน่” แปลว่าระวังจึงเพี้ยนไป ในที่สุดกลายเป็น เทนนิส (Tennis) และใช้มาจนถึงปัจจุบัน

กีฬาเทนนิสก็ถือเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่มีชื่อเสียงมากในโลกและอังกฤษก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ชื่นชอบการเล่นเทนนิสอีกทั้งประเทศอังกฤษยังเป็นเจ้าภาพจัดรายการใหญ่ของนักเทนนิสที่ทุกคนใฝ่ฝันจะคว้าให้ได้อย่าง แกรนด์สแลม ซึ่งรายการที่จัดที่อังกฤษคือ วิมเบิลดัน ซึ่งเป็นการแข่งขันเทนนิสที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วยและคนไทยก็อาจจะรู้จักเทนนิสผ่านคุณ ภราดร ศรีชาพันธุ์ (บอล) อดีตนักเทนนิสชายชาวเอเชียที่มีอันดับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยอันดับ 9 ของโลกซึ่งถือเป็นความภูมิใจหนึ่งของชาวไทยและทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของความนิยมการเล่นเทนนิสในไทย


5.ว่ายน้ำ (Swimming)

ประวัติว่ายน้ำเริ่มต้นมาตั้งแต่ 9,000 ปีก่อนคริสตกาล เพราะการว่ายน้ำนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในทักษะติดตัวของมนุษย์มาตั้งแต่โบราณและเป็นกีฬาแรก ๆ ที่ถูกนำมาแข่งขันเช่นเดียวกับกีฬาวิ่ง โดยเฉพาะกับคนในยุคโบราณจะใช้การว่ายน้ำเพื่อการจับปลาและการดำรงชีวิต พร้อมการป้องกันอันตรายจากการตกน้ำ เมื่อมาสู่ยุคใหม่จึงได้เกิดเป็นการแข่งว่ายน้ำขึ้น เริ่มมีการแข่งขันครั้งแรก พ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873) ที่วูลิช บาร์ท ใกล้กับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยกติกาการแข่งขันจะว่ายแบบใดก็ได้ ขอให้ถึงเส้นชัยเป็นพอ และหลังจากการแข่งขันครั้งนี้จบลง ประชาชนก็สนใจกีฬาว่ายน้ำมากขึ้น จนถูกบรรจุในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893) จวบจนทุกวันนี้

การว่ายน้ำนอกจากจะเป็นกีฬาที่มีประโยชน์มากทั้งในด้านการได้ใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว,ได้บริหารระบบหายใจและก็เป็นอีกหนึ่งทักษะที่เพื่อนๆควรฝึกฝนไว้เพราะสามารถฝึกได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆและยังป้องกันหากเกิดอุบัติเหตุจมน้ำได้อีกด้วยแต่หากพึ่งเริ่มต้นฝึกควรมีผู้ฝึกสอนอยู่ใกล้ชิดและไม่ควรลงน้ำลึกและเรียนรู้ท่าว่ายที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อเพียงเท่านี้เพื่อนๆก็จะสามารถพัฒนาความสามารถไปสู่การเป็นนักกีฬาเพื่อแข่งว่ายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย

 

ลงทะเบียนที่แบบฟอร์มด้านล่างเพื่อร่วมงาน หรือติดต่อพี่ๆ BRIT-Ed ได้ที่ Line ID: @brit-ed, Tel: 02-168-7890 บริการทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ

ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.